Bootstrap คืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง พร้อมวิธีใช้งานที่ควรรู้

ในยุคที่ผู้ใช้งานเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย การพัฒนาเว็บไซต์แบบ Responsive Design ที่สามารถปรับหน้าจอให้แสดงผลได้อย่างเหมาะสมกับทุกขนาดจึงเป็นมาตรฐานสำคัญ และเครื่องมือที่เข้ามาช่วยให้งานที่ดูยุ่งยากนี้ง่ายขึ้นอย่างมากก็คือ Bootstrap บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า Bootstrap คืออะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง และมีวิธีใช้งานอย่างไรเพื่อช่วยให้การพัฒนาเว็บไซต์ของคุณรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Bootstrap คืออะไร
Bootstrap คือ CSS Framework ยอดนิยมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บไซต์แบบ Responsive ได้อย่างง่ายดาย โดยมีชุดเครื่องมือสำเร็จรูปต่างๆ เช่น Grid System, Components, และ JavaScript Plugins มาให้ใช้งาน ทำให้ไม่ต้องเขียนโค้ด CSS หรือ JavaScript เองตั้งแต่ต้น Bootstrap ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกสำหรับการออกแบบและพัฒนาหน้าเว็บไซต์
ข้อดีของ Bootstrap

การเลือกใช้ Bootstrap ในการพัฒนาเว็บไซต์มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดเวลาได้อย่างมาก
Responsive
จุดเด่นที่สุดของ Bootstrap คือคุณสมบัติ Responsive Design ที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลให้เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานง่ายและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าชมในทุกๆ อุปกรณ์
Grid & Layout Systems
Bootstrap มาพร้อมกับระบบ Grid และการจัด Layout ที่ใช้งานง่ายและสะดวก ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเขียนโค้ดเพื่อสร้างโครงสร้างหน้าเว็บเองตั้งแต่ต้น เพียงแค่เรียกใช้ Class ที่มีอยู่ ก็สามารถจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบและสวยงาม
Easy to Customize
แม้ว่า Bootstrap จะมี Components และ Stlyes ที่ถูกกำหนดมาให้ใช้งาน แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูงที่สามารถปรับแต่ง (Customize) ได้ตามความต้องการของคุณ คุณสามารถแก้ไขสี ขนาด หรือรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายๆ เพื่อให้เว็บไซต์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่ซ้ำใคร
Fast Development
ด้วยเครื่องมือและ Component สำเร็จรูปที่ครบครันของ Bootstrap ทำให้การพัฒนาเว็บไซต์เป็นไปอย่างรวดเร็ว คุณสามารถสร้างหน้าเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างและดีไซน์ที่สวยงามได้ภายในเวลาอันสั้น เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการความรวดเร็วในการพัฒนา
ข้อเสียของ Bootstrap
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การใช้ Bootstrap ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณาเช่นกัน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบด้าน
ดูคล้ายเว็บไซต์อื่น
เนื่องจาก Bootstrap เป็นที่นิยมอย่างมาก ทำให้เว็บไซต์หลายๆ แห่งใช้ Components ที่มาจากแหล่งเดียวกัน ส่งผลให้เว็บไซต์ที่ใช้ Bootstrap อาจมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกันและขาดเอกลักษณ์ หากต้องการสร้างความแตกต่าง อาจต้องใช้ความพยายามในการปรับแต่งมากขึ้น
Bigger File Size
ขนาดไฟล์ของ Bootstrap ทั้ง CSS และ JavaScript จะค่อนข้างใหญ่กว่าการเขียนโค้ดเองตั้งแต่ต้น เนื่องจากมีการรวม Components และ Features ต่างๆ ไว้มากมาย ซึ่งอาจส่งผลต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ได้บ้างหากไม่ได้มีการปรับแต่งให้เหมาะสม
Bootstrap ประกอบด้วยอะไร

Bootstrap ประกอบด้วยไฟล์หลัก 2 ประเภท ได้แก่ ไฟล์ CSS Stylesheet และไฟล์ JavaScript (JS) โดยไฟล์ CSS จะทำหน้าที่ในการกำหนดรูปแบบและดีไซน์ของหน้าเว็บไซต์ เช่น สี ฟอนต์ และการจัดวาง ส่วนไฟล์ JS จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ Component ต่างๆ ที่มีลูกเล่น เช่น สไลเดอร์ แถบเมนู หรือกล่องข้อความแจ้งเตือน
BootStrap ใช้งานได้ในอุปกรณ์ใด
Bootstrap ได้รับการออกแบบมาให้รองรับการใช้งานบน Web Browser และแพลตฟอร์มหลักๆ ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ โดยส่วนใหญ่จะรองรับ Browser ยอดนิยมอย่าง Google Chrome, Firefox, Safari และ Microsoft Edge เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะสามารถแสดงผลได้อย่างถูกต้องบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานส่วนใหญ่
ติดตั้ง BootStrap อย่างไร
การติดตั้ง Bootstrap สามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการเรียกใช้งานผ่าน Content Delivery Network (CDN) ซึ่งเป็นการลิงก์ไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ภายนอกโดยตรง
ตัวอย่างการเรียกไฟล์ CSS
คุณต้องเพิ่มแท็ก <link> นี้ในส่วน <head> ของไฟล์ HTML เพื่อเรียกใช้ไฟล์ CSS ของ Bootstrap
<link rel="stylesheet"
href="https://stackpath.bootstrapcdn.com/bootstrap/4.4.1/css/bootstrap.min.css"
integrity="sha384-Vkoo8x4CGsO3+Hhxv8T/Q5PaXtkKtu6ug5TOeNV6gBiFeWPGFN9MuhOf23Q9Ifjh"
crossorigin="anonymous">
ตัวอย่างการเรียกไฟล์ JS (ต้องเรียกใช้งานทั้ง 3 ตัว)
คุณต้องเพิ่มแท็ก <script> ทั้ง 3 ตัวนี้ในส่วนท้ายของแท็ก <body> เพื่อให้ Components ต่างๆ ของ Bootstrap ทำงานได้อย่างสมบูรณ์
<script src="https://code.jquery.com/jquery-3.4.1.slim.min.js"
integrity="sha384-J6qa4849blE2+poT4WnyKhv5vZF5SrPo0iEjwBvKU7imGFAV0wwj1yYfoRSJoZ+n"
crossorigin="anonymous"></script>
<script src="https://cdn.jsdelivr.net/npm/popper.js@1.16.0/dist/umd/popper.min.js"
integrity="sha384-Q6E9RHvbIyZFJoft+2mJbHaEWldlvI9IOYy5n3zV9zzTtmI3UksdQRVvoxMfooAo"
crossorigin="anonymous"></script>
<script src="https://stackpath.bootstrapcdn.com/bootstrap/4.4.1/js/bootstrap.min.js"
integrity="sha384-wfSDF2E50Y2D1uUdj0O3uMBJnjuUD4Ih7YwaYd1iqfktj0Uod8GCExl3Og8ifwB6"
crossorigin="anonymous"></script>
ตัวอย่างเริ่มต้นไฟล์ index.html
นี่คือโครงสร้างพื้นฐานของไฟล์ index.html ที่มีการเรียกใช้งานไฟล์ของ Bootstrap อย่างถูกต้อง
<!doctype html>
<html lang="en">
<head>
<meta charset="utf-8">
<meta name="viewport" content="width=device-width, initial-scale=1, shrink-to-fit=no">
<link rel="stylesheet"
href="https://stackpath.bootstrapcdn.com/bootstrap/4.4.1/css/bootstrap.min.css">
<title>Hello, world!</title>
</head>
<body>
<h1>Hello, world!</h1>
<script src="https://code.jquery.com/jquery-3.4.1.slim.min.js"
integrity="sha384-J6qa4849blE2+poT4WnyKhv5vZF5SrPo0iEjwBvKU7imGFAV0wwj1yYfoRSJoZ+n"
crossorigin="anonymous"></script>
<script src="https://cdn.jsdelivr.net/npm/popper.js@1.16.0/dist/umd/popper.min.js"
integrity="sha384-Q6E9RHvbIyZFJoft+2mJbHaEWldlvI9IOYy5n3zV9zzTtmI3UksdQRVvoxMfooAo"
crossorigin="anonymous"></script>
<script src="https://stackpath.bootstrapcdn.com/bootstrap/4.4.1/js/bootstrap.min.js"
integrity="sha384-wfSDF2E50Y2D1uUdj0O3uMBJnjuUD4Ih7YwaYd1iqfktj0Uod8GCExl3Og8ifwB6"
crossorigin="anonymous"></script>
</body>
</html>
สรุปบทความ
Bootstrap คือเครื่องมือที่สำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์ในปัจจุบัน เพราะช่วยให้การสร้างเว็บไซต์แบบ Responsive Design เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการจัด Layout หรือการใช้ Components ต่างๆ อย่างไรก็ตาม การใช้งานอย่างเหมาะสมและมีการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับธุรกิจที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ E-Commerce หรือ Mobile App ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ทุกความต้องการ Siam E-Commerce ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 26 ปี พร้อมให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างมั่นคง